ในสังคมมนุษย์นั้น มักจะเปรียบเทียบคนที่แพ้ คน ที่ไม่ชนะ คนที่ไม่ใช่ที่หนึ่ง คนที่ไร้ค่า คนที่หมดหวงในชีวิต ว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นเสมือนหมาฃี้แพ้
แต่ในความไร้ค่านั้นก็ยังคงมีคุณค่า มีความหมาย สำหรับบางสิ่ง และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนบางคน ที่สำคัญ พวกเขาอาจจะมีจิตวิญญาณที่ละเอียดอ่อน และหัวใจที่บริสุทธ มากว่าผู้ชนะที่ไม่เข้าใจชีวิต พร้อมที่จะเหยียบยาชีวิตของคนที, ต้อยตากว่า เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะครั้งแล้วครั้งเล่าได้เสมอ ชีวิตของการเป็นคนแพ้ที่ไม่ต่างจากหมาขี้แพ้ก็มีความสุข ความเข้าใจในสิ่งที่ตนต้องการ มากกว่าผู้ชนะที่ไม่เข้าใจความ หมายที่แท้จริงของชัยชนะจนต้องแสวงหาชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า
เพียงแค่คุณได้กระทำสิ่งทีมีค่าทางจิตวิญญาณ ก็เป็น การได้ทำดีกว่าการไม่ได้ลงมือทำ ซึงจะไม่พบแม้แต่ชัยชนะ และไม่สามารถทำให้คุณเติบโต หรือได้ประสบการณ์ของชีวิต จึงเลิกคราครวญ ทิ้งความปวดร้าวไปเสีย และยอมรับ ความพ่ายแพ้นั้นเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขตัวเอง เพื่อที่จะก้าวสู่ วันแห่งชัยชนะ เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งได้ กลั่นออกมาจากจิตวิญญาณ ซึ่งหมาขี้แพ้ก็อาจจะกลายเป็น เทวดาได้
ในหนึ่งชีวิตของคนเราทุกคน ต้องพานพบกิโบ ความล้มเหลวของชีวิตครั้งใหญ่ ๆ ก้นหลากหลายครั้ง ตอนเป็นเด็ก หลายๆ คน กลุ้มใจ ท้อแท้ เมื่อสอบไม่ได้ คะแนนดี หรือการเรียนแย่จนเกือบจะเรียนชํ้าซน
โตขึ้นมา เครียดเพราะกลัวสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยดีๆ เด็กหนุ่มสาวจำนวนมากหลั่งนํ้าตาให้กับความผิดหวัง
เรียนมหาวิทยาลัย อาจพ่ายแพ้ ถูกรีไทร์ เป็นปัญหา ใหญ่ในชีวิต ที่ไม่กล้าบอกพ่อแม่ ผู้ปกครอง ชีวิตไร้ค่าและ เคว้งคว้าง
ในชีวิตของวัยเริ่มต้นการทำงาน ต้องพบกับสารพัด ความกดดัน ทั้งจากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน การแข่งข้นชิงดีชิง เด่นในองค์กร ความเสี่ยงเมื่อพลั้งพลาดแล้วจะถูกแทงข้างหลัง
จนพ่ายแพ้
แน่นอนคนหนุ่มสาวจำนวนมากคิดว่านี่คือวิกฤตใหญ่ๆ ที่เกินจะแบกรับและยากที่จะแก้ไข
แต่อย่ามัวแต่เกลือกกลิ้งอยู่กับความสับสนต้อยตา พ่ายแพ้ รวมทั้งคิดว่าชีวิตไร้ค่าไร้สาระและสิ้นหวัง
ต้องพลิกวิกโ)ตที่รวดร้าว หรือผลักดันช่วงเวลาที่ล้มเหลว มุ่งสู่โอกาสใหม่ๆ ที่อาจไม่คุ้นเคย หรือไม่เคยเรียนรู้สัมผัสมา ก่อนก็ตาม เพราะโอกาสใหม่ๆ ที่ผู้แพ้ต้องตัดสินใจเลือก อาจ ทำให้พบกับเส้นทางชีวิตที่มีความหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น